|
โดย
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สมภพ เรืองตระกูล |
|
บทความจาก
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข |
|
|
|
|
|
|
|
คำจำกัดความ |
|
ลักษณะสำคัญของโรค
คือ ผู้ป่วยมีความ |
วิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์
หรือกิจกรรมต่าง ๆ
มากผิดปกติ และมีอาการต่อไปนี้ อย่างน้อย 3 อย่าง
ได้แก่ กระวนกระวาย เหนื่อยง่าย ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่าย
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และนอนไม่หลับ โดยผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวติดต่อกันเป็น
เวลาอย่างน้อย 6 เดือน |
|
|
|
อุบัติการณ์ |
|
พบประมาณร้อยละ
3-5 ของประชากรทั่วไป และพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 12 ของผู้ป่วยที่เป็น
|
ทั้งหมด
พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในอัตราส่วน 2:1 |
|
สาเหตุ |
|
1.
พันธุกรรม |
|
พันธุกรรมเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของโรคนี้
Kendler และคณะ ได้ศึกษาคู่แฝดหญิงจำนวน |
1,033
คู่ พบว่าคู่แฝดที่เป็นโรคกังวลมีปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นสาเหตุร้อยละ
30 ในขณะที่คู่แฝดที่เป็นโรคซึมเศร้ามีปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นสาเหตุร้อยละ
70 และพบว่าปัจจัยทางพันธุกรรมซึ่งทำให้เป็นโรคนี้ และโรคซึมเศร้าเป็นชนิดเดียวกัน |
|
2.
ทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมการเรียนรู้ |
|
พบว่าผู้ป่วยมักให้ความสนใจ
เรื่องราวที่เป็นอันตรายและรับเอาเรื่องราวดังกล่าวเข้าไว้ในพฤติกรรม |
การเรียนรู้ของตน
ทำให้ผู้ป่วยเกิดความวิตกกังวลง่าย มีผู้ตั้งข้อสมมติฐานว่าผู้ป่วยมักขาดการควบคุมอารมณ์
โดยเฉพาะความวิตกกังวล ทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้ง่าย |
|
3.
ปัจจัยทางชีวภาพ |
|
จากผลการศึกษาในปัจจุบันพบว่า
สารสื่อประสาท โดยเฉพาะ catecholamine, serotonin |
และGABA อาจมีส่วนทำให้เป็นโรคนี้ |
|
ลักษณะทางคลินิก |
|
ลักษณะทางคลินิก
และมีอาการต่อไปนี้ |
|
ร่วมด้วยได้แก่
กระวนกระวาย เหนื่อยง่าย หงุดหงิดง่าย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
และนอนไม่หลับ ผู้ป่วยมักมีความกังวลเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน
เช่น ความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน สถานภาพทางการเงินของตนและครอบครัว
สุขภาพของบุคคลในครอบครัว การเลี้ยงดูบุตร หรือเรื่องเล็กน้อยอย่างอื่น
เช่น งาน ประจำภายในบ้าน รถเสีย หรือมีนัดแล้วไปช้ากว่า |
กำหนด
เป็นต้น ผู้ป่วยที่เป็นเด็กและวัยรุ่นจะมีความกังวลเกี่ยวกับสมรรถภาพในการเรียน
การกีฬา หรือกิจกรรมอย่างอื่น และอาจมีความกังวลมากเกี่ยวกับการตรงต่อเวลา
ผู้ป่วยเด็กอาจมีลักษณะเจ้าระเบียบ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
มักทำงานซ้ำๆ เพื่อให้งานออกมาดี รวมทั้งต้องการให้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น
และต้องการกำลังใจอย่างมากด้วย |
|
อาการอื่น
และโรคที่พบร่วมด้วย |
|
ผู้ป่วยอาจมีกล้ามเนื้อกระตุก
มือสั่น ตัวสั่น และปวดกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการทาง |
กาย
เช่น ตัวเย็น มือเย็นขึ้น ปากแห้ง เหงื่อออก คลื่นไส้ หรืออาเจียน
ปัสสาวะบ่อย กลืนอาหารลำบากหรือรู้สึกมีก้อนติดอยู่ในลำคอ
และตื่นเต้นตกใจง่าย อาการซึมเศร้าพบได้บ่อยเช่นกันผู้ป่วยมักเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน
เช่น โรคซึมเศร้า หรือ Dysthymic disorder และเป็นโรค Anxiety
disorder ชนิดอื่น
เช่น โรคแพนิค โรคกลัว รวมทั้งใช้สารเสพติดโรคทางกายที่อาจพบร่วมด้วย
ได้แก่ ปวดศีรษะ Irritable bowel syndrome เป็นต้น |
|
การวินิจฉัยโรค |
|
หลักการวินิจฉัยโรคมีดังนี้ |
|
1.
ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลมากผิดปกติ ติดต่อกันเป็นเวลานานอย่างน้อย
6 เดือน |
|
2.
มีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 3 อย่าง (ถ้าผู้ป่วยเป็นเด็กมีอาการอย่างเดียว)
|
|
|
2.1
กระวนกระวาย
2.2 เหนื่อยง่าย
2.3 ขาดสมาธิ
2.4 หงุดหงิดง่าย
2.5 ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
2.6 นอนไม่หลับ |
|
|
การดำเนินโรค |
|
ู้ป่วยจำนวนมากมักมีความวิตกกังวลอยู่เป็นประจำ
และประมาณครึ่งหนึ่งมีอาการตั้งแต่เด็ก หรือ |
วัยรุ่น
การดำเนินโรคมักเป็นเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ และอาการจะกำเริบเวลามีเรื่องไม่สบายใจ |
|
การรักษา |
|
ก.จิตบำบัด |
|
1.
อธิบายสาเหตุของโรคให้ผู้ป่วยเข้าใจว่า ผู้ป่วย มีอาการ |
|
เนื่องจากอารมณ์เครียด
และวิตกกังวล ซึ่งต้องหา สาเหตุว่าเกิดอะไร |
|
2.
ให้ความมั่นใจว่ามีทางรักษาให้หายได้ และไม่มีอันตราย |
แต่อย่างใด
|
|
3.
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ระบายความไม่สบายใจ และความ |
ทุกข์ใจ
รวมทั้งปัญหาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้กำลังใจ ปลอบใจและแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ที่ถูกต้อง |
เหมาะสม |
|
4.
แก้ไขภาวะแวดล้อมที่เป็นสาเหตุ โดยอาศัยความร่วมมือจากญาติผู้ป่วยด้วย |
|
5.
ทำจิตบำบัด สำหรับผู้ป่วยที่มีความขัดแย้งใจ และให้ผู้ป่วยมีการปรับตัวดีขึ้น
เพื่อต่อไป |
ภายหน้าเมื่อมีเรื่องไม่สบายใจจะได้ควบคุมความวิตกกังวลได้อย่างเหมาะสม
|
|
|
|
ข.
พฤติกรรมบำบัด ใช้วิธี
progressive muscle relaxation |
|
|
ค.
การรักษาด้วยยา ยาคลายกังวลในกลุ่ม
Benzodiazepines ใช้รักษาโรคนี้ได้ดีที่สุด |
|
|
ที่มา
: จาก
คู่มือจิตเวชศาสตร์ สำหรับประชาชน หน้า 15-17 |
|
|