|
โดย
นายแพทย์สุรชัย เกื้อกูล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ |
|
คณะแพทย์ศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
|
|
|
|
|
|
|
|
อาการนอนไม่หลับ หรือ การนอนหลับไม่เพียง |
พอ
(insomnia) |
|
เป็นเพียงอาการที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์
ไม่ใช่ตัวโรค |
แพทย์จึง ต้องสืบค้นหาสาเหตุต่อไป เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม
ผู้ป่วยอาจ บรรยายปัญหาการนอนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
หรือมีผสมกันหลายๆ แบบ ที่พบได้คือ การนอนไม่หลับหรือหลับลำบาก
การนอนหลับไม่สนิท ตื่นขึ้นกลางดึก หรือหลับๆ ตื่นๆ
การตื่นนอนเข้าหรือเร็วกกว่าปกติ และ ตื่นนอนแล้วไม่สดชื่น |
|
|
ปัญหาการนอนไม่หลับ
ไม่เพียงพอพบได้ประมาณร้อยละ 30-40 ของประชากร แต่ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง |
มีประมาณร้อยละ
10 บุคคลที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการนอนไม่หลับคือ
ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคทางกายเรื้อรังหรือใช้ยา ประจำ
และผู้ป่วยโรคจิตเวช. |
|
ชนิดของการนอนหลับไม่เพียงพอ
และสาเหตุ |
|
1.
ปัญหาการนอนที่เกิดขึ้นเร็ว เป็นอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ และมักไม่เรื้อรัง
(acute
หรือ short-term |
หรือ
transient insomnia) มักมีสาเหตุมาจากปัญหาทางด้านอารมณ์
ปัญหาตึงเครียดในชีวิต อาการเจ็บป่วยทางร่างกาย การเปลี่ยนแปลงในความเป็นอยู่
และสภาพแวดล้อม เช่น เสียงดัง อุณหภูมิร้อนเกินไป การเปลี่ยนที่นอน
และการเดิน ทางข้ามเส้นแบ่งเวลาโลก (time zone) ทำให้เกิด
jet lag ถ้าร่างกายสามารถปรับตัวกับสภาพที่เกิดขึ้นหรือมีการแก้ไข
ปัญหาให้ลุล่วง การนอนไม่หลับก็จะหายไปได้ |
|
2.
ปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง (chronic
insomnia) โดยเกิดขึ้นนานกว่า 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งอาจมา |
จากสาเหตุเดียว
หรือหลายสาเหตุร่วมกัน ดังเช่น |
|
2.1
โรคทางจิตเวช ผู้ป่วยที่มีภาวะอารมณ์ตกต่ำลงหรือซึมเศร้า
(depression) และวิตกกังวล |
(anxiety)
ส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการทางกายและนอนไม่หลับ |
|
2.2
โรคทางอายุรกรรม เช่น
โรคสมองเสื่อม ภาวะทางฮอร์โมน การตั้งครรภ์ วัยทอง
โรคหอบหืด |
gastrointestinal
reflux และอาการปวด การไอเรื้อรัง การหายใจลำบาก การต้องตื่นมาปัสสาวะบ่อย
ๆ อาจรบกวนการนอนของผู้ป่วยได้ |
|
2.3
ยา เช่น
กาเฟอีน สตีรอยด์ decongestants ยากั้นเบตา และยาลดน้ำหนักต่าง
ๆ รวมทั้ง |
แอมเฟตามีน |
|
2.4
โรคของการนอนหลับโดยตรง (primary
sleep disorder) ได้แก่ |
|
- Restless
leg syndrome ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกไม่สบายเกิดขึ้นในกล้ามเนื้อของขาหรือเท้า
|
และจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้เคลื่อนไหวเท้า
บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งคืบคลานในกล้ามเนื้อ
อาจเป็นมากในช่วงเย็นหรือเมื่อผู้ป่วยเข้านอน |
|
- Periodic
limb movement disorder (PLMD) ผู้ป่วยจะมีอาการสะบัดหรือกระตุกเป็นพัก
ๆ |
ของขาทั้ง
2 ข้าง อาจพบที่แขนบ้าง ทำให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่อง
มักเกิดขึ้นทุก ๆ 20 ถึง 90 นาที ผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกตัวตื่นเพราะ
เกิดช่วงสั้นมาก แต่ผู้ที่นอนใกล้ชิดผู้ป่วยจะสามารถรายงานลักษณะอาการได้ดี
มักพบในผู้สูงอายุ และผู้ป่วยไตวาย |
|
- Obstructive
sleep apnea เป็นการขาดลมหายใจระหว่างการนอนหลับเป็นพักๆ
มักพบใน |
บุคคลที่
นอนกรนเสียงดังสลับกับหายใจลำบาก อ้วน คอสั้นหนา และมักมีอาการง่วงนอนมากในช่วงกลางวัน
การขาดลม หายใจทำให้ขาดออกซิเจน และเกิดการตื่นเป็นระยะ
ๆ |
|
- Circadian
rhythm disorder เช่น delayed sleep phase syndrome
ผู้ป่วยมีเวลาของการ |
นอนเกิดขึ้นช้า
และตื่นนอนสายกว่าคนทั่วไป |
|
- Primary
insomnia หรือ Psychophy siological |
|
insomnia เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยผู้ป่วยมักมีเหตุปัจจัย
กระตุ้นบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ มาก่อน เช่น
jet lag หรือ ความไม่สบายใจบางอย่าง แต่ถึงแม้ว่าเหตุนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ผู้ป่วยก็ยังคงมีปัญหาการนอนหลับอยู่ต่อไป ผู้ป่วยจะมีความ
กังวลหรือครุ่นคิดตลอดเวลาว่าคืนนี้จะนอนหลับได้หรือไม่
ยิ่ง เวลานอนใกล้เข้ามาก็จะยิ่งกลัวและหวาดวิตกเกี่ยวกับการนอน
|
มากขึ้น
เมื่อเข้านอนก็มีความพยายามอย่างมากที่จะนอนหลับ ให้ได้
ทำให้มีภาวะ hyperarousal ซึ่งจะหวนไปทำให้ความสามารถที่จะนอนหลับลดลง
ผู้ป่วยจะไม่สามารถ นอนหลับได้ และจะพยายามนอนบนเตียงหรือที่นอนต่อไปถึงแม้ว่าจะไม่หลับและเกิดความทรมาน
แต่ก็ไม่ กล้าลุกออกจากที่นอนเพราะกลัวว่าจะทำให้ไม่ง่วง |
|
|
ผลของการนอนหลับไม่เพียงพอ |
|
ผลสืบเนื่องที่เห็นชัดเจนคือ
ความง่วง อารมณ์ไม่สดชื่น และความสามารถในการปฏิบัติงานลดต่ำลง
|
ซึ่งความรุนแรงของผลสืบเนื่องสัมพันธ์กับปริมาณการนอนที่ลดลงและจำนวนคืนที่นอนได้ไม่เพียงพอ
ผู้ป่วย ที่มีปัญหามานานมักมีอาการอ่อนเพลีย อารมณ์ไม่ร่าเริง
หงุดหงิด และขาดสมาธิ ผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอน หลับไม่เพียงพอ
พบว่ามีอัตราของการขาดงาน การใช้บริการทางการแพทย์สูงขึ้น
และความสามารถทางสังคม ลดลง |
|
วิธีการรักษา |
|
1.
การแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติเพื่อการนอนหลับ
(sleep hygiene) เช่น |
|
- ตื่นนอน
และเข้านอนให้เป็นเวลา
|
|
|
- ไม่ทำกิจกรรมอื่นใดบนเตียงนอน
ยกเว้นเรื่องนอน และกิจกรรมทางเพศ |
|
- ใช้เวลาบนเตียงนอนให้น้อยที่สุดในแต่ละคืน |
|
- ในกรณีที่เข้านอนแล้ว
10-15 นาที ยังไม่สามารถนอนหลับได้ไม่ควรพยายามนอนต่อไป
ควรลุก |
ไปจากเตียงหรือไปห้องอื่นเพื่ออ่านหนังสือเบาๆหรือทำกิจกรรมอื่นๆ
เมื่อรู้สึกง่วงจึงกลับเข้านอนใหม่ |
|
- ไม่ควรมีนาฬิกาบอกเวลาในห้องนอน |
|
- ไม่ทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกาย
หรือหนักสมองก่อนเข้านอน |
|
- มีกิจกรรมผ่อนคลายก่อนการเข้านอน
เช่น อาบน้ำอุ่น ดื่มนมหรือน้ำผลไม้ อ่านหนังสือเบา
ๆ |
10
นาทีก่อนเข้านอน |
|
- งดกาแฟ
ชา ก่อนเวลาเข้านอน 6 ชั่วโมง และงดสุรา บุหรี่เมื่อเวลาเข้านอน |
|
- พยายามไม่งีบหลับในช่วงกลางวันมากเกินไป
เพราะจะทำให้ไม่ง่วงและคุณภาพการนอนไม่ดี |
ในคืนนั้น |
|
- การออกกำลังกายหนักๆ
ควรทำในช่วงเย็นอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ |
|
- ออกกำลังกายเบาๆ
อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินยืดเส้นยืดสายก่อนเวลานอน
2-3 ชั่วโมง |
|
|
|
|
หลักการเหล่านี้ช่วยขจัดสาเหตุภายนอกต่างๆ
ที่อาจรบกวนการนอน ช่วยลดความหวาดวิตกเกี่ยวกับ |
การนอนของผู้ป่วยและส่งเสริมให้วงจรการนอนหลับ-ตื่น
ให้เป็นเวลาสม่ำเสมอมากขึ้น |
|
|
|
2.
การใช้ยาช่วยการนอนหลับ
ต้องร่วมกับการแนะนำสุขบัญญัติของการนอนหลับที่ดีด้วยเสมอ
|
เพราะในระยะยาวผู้ป่วยจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อส่งเสริมการนอนหลับได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องพึ่งพิงยาอย่างเดียว จุดประสงค์ของการใช้ยาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยนอนหลับได้เร็วขึ้น
ลดการตื่นกลางดึก หรือเพื่อช่วยลดความวิตกกังวลในวันรุ่งขึ้นควรใช้ยาในกรณีที่มีอาการรุนแรง
และให้ยาในระยะสั้นที่สุด เมื่อผู้ป่วยปรับตัวได้แล้วอาจไม่ต้องให้ยาต่อเนื่อง
ไม่ควรให้ยานานเกิน 2-3 สัปดาห์ |
|
|
ู้ป่วยบางรายที่ไม่สามารถหยุดยาได้
แต่ก็ไม่มีการดื้อยาหรือเพิ่มขนาดยาเอง แพทย์อาจแนะนำให้ |
ผู้ป่วยทดลองกินยาคืนเว้นคืน
หรือกินทุก ๆ 2 คืน (intermittentuse) |
|
|