ช่องปากเป็นอวัยวะที่ต้องสัมผัส
เสียดสีกับสิ่งภายนอกร่างกาย และภายในช่องปากทุกวัน การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ในช่องปากจึงเกิดขึ้นได้บ่อย
มะเร็งในช่องปากเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับหนึ่งในห้าของมะเร็งที่พบมากที่สุดของมะเร็งในเพศชาย
และมักพบในผู้สูงอายุ ระหว่าง 50 - 60 ปี ขึ้นไป |
|
|
 |
สาเหตุ
: |
ปัจจัยภายนอกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อจนกลายพันธุ์ไปเป็นมะเร็งช่องปาก
มีดังนี้ เชื้อโรค สารเคมี ความร้อนและรังสี สภาพเรื้อรังของการเสียดสีจากวัสดุหรืออุปกรณ์บางชนิดที่ใช้ในช่องปาก
อาหาร และพันธุกรรม
ในปัจจุบันทราบว่า
การเคี้ยวหมาก สูบบุหรี่ และ ดื่มสุรา เป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งในช่องปาก
นอกจากนี้การมีฟันปลอมที่ไม่พอดีหรือมีฟันเก และเสียดสีกับลิ้นหรือกระพุ้งแก้มตลอดเวลาก็เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งในช่องปากได้
|
|
|
ตำแหน่งของมะเร็งช่องปากและอาการแสดง
: |
มะเร็งช่องปากพบได้ในหลายตำแหน่ง
เช่น มะเร็งที่ริมฝีปาก ที่เหงือก ที่ลิ้น ที่กระพุ้งแก้ม
ที่เพดานปาก เป็นต้น อาการส่วนใหญ่ของมะเร็งในช่องปาก
คือ การพบก้อน หรือติ่งเนื้อ หรือ แผลเกิดขึ้น โดยก้อนเนื้อเหล่านั้นจะโตขึ้นเรื่อยๆ
เจ็บเวลาสัมผัส หรือเวลากินอาหาร บางครั้งอาจจะมีเลือดออกจากก้อน
หรือมีการอักเสบเกิดขึ้นได้ ผู้ป่วยบางรายอาจเริ่มด้วยมีลักษณะของแผลที่เหงือกร่วมกับฟันโยกคลอน
และหลุดออก หรือในบางรายอาจพบก้อน หรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโตขึ้นโดยความผิดปกติในช่องปากยังมีไม่มากก็ได้
|
|
|
|
|
|
การรักษา
: |
หากเป็นมะเร็งในช่องปากในระยะแรก
ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ ในปัจจุบันวิธีการรักษาที่เป็นที่ยอมรับและได้ผล
คือ การผ่าตัด และ การฉายรังสี ซึ่งอาจจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันก็ได้
ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ผลพยาธิวิทยาและสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย
และถึงแม้ว่าจะเป็นมะเร็งในระยะที่ลุกลามแล้วก็ยังสามารถที่จะรักษาเพื่อควบคุมโรคและบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากโรคได้ดี |
|
|
การป้องกัน
: |
สิ่งที่สำคัญที่สุด
คือการตรวจพบรอยโรคในระยะเริ่มแรก และหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงต่าง
ๆ ของมะเร็งในช่องปาก เช่น งดสูบบุหรี่ ไม่เคี้ยวหมาก
และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น สุรา เบียร์แต่พอควร
รวมถึงการแก้ไขสิ่งระคายเคืองในช่องปาก เช่น ฟันคม ฟันปลอมหลวม
และรักษาสุขภาพอนามัยของช่องปากให้ดี |
|
|
|
|
|