การรักษาโรคมะเร็ง
ในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก มีทั้งยาและเทคโนโลยีใหม่
ๆ เข้ามามากมาย แต่ภาวะการขาดอาหารจากโรคมะเร็งหรือผลข้างเคียงจากการรักษา
ก็ยังเป็นปัญหาสำคัญของผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งมีทั้งการรับประทานไม่ได้
การเบื่ออาหาร การเปลี่ยนแปลงของการรับรสและการกลืน เมื่อร่างกายขาดอาหารอย่างรุนแรง
น้ำหนักตัวลดอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ขาดภูมิคุ้มกันโรค
ซึ่งจะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ |
|
|
|
|
|
ปัญหาที่ทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลงมีดังนี้
|
1.
อาการเบื่ออาหาร มักพบได้เสมอในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีและเคมีบำบัด
แต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาครบแล้ว
2.
การรับรสเปลี่ยนไป อาจรู้สึกขมในปากตลอดจนการรับรสต่าง
ๆ ผิดไปจากเดิม สาเหตุจากเยื่อบุในช่องปากและต่อมรับรสถูกรบกวนจากการรักษา
3.
อาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน ท้องผูก มักพบบ่อยในช่วงแรก
ๆ ของการรักษาด้วยเคมีบำบัด และการฉายรังสี หลังจากได้รับการรักษาครบแล้ว
อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์
4.
ความเจ็บปวด ปวดท้อง แน่นท้อง มีทั้งเกิดจากโรคเอง
และผลข้างเคียงของการรักษา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ยาระงับความเจ็บปวดและยาช่วยในการย่อยอาหาร
5.
ความเชื่อในเรื่องอาหารแสลง หากมีความเชื่อว่าอาหารที่มีประโยชน์
และจำเป็นต่อร่างกายบางชนิด เป็นอาหารแสลงก็จะทำให้ยิ่งขาดอาหารได้
6.
อาการซึมเศร้า ท้อแท้ หมดกำลังใจ ก็ทำให้เบื่ออาหาร
อาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารไม่ได้ ภาวะการขาดอาหารก็จะเป็นมากขึ้น
สิ่งที่ควรทำคือ ต้องพยายามทำจิตใจให้เข้มแข็ง จัดหาสิ่งที่จะทำให้เกิดความสุข
ความสดชื่น เพื่อช่วยให้รับประทานได้มากขึ้น |
|
การรับประทานอาหารที่พอเหมาะคือ
ต้องได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ |
วันหนึ่ง
ๆ ควรจะรับประทานอาหารมากน้อยเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนและในแต่ละวันจะไม่เท่ากัน
เช่น ในระหว่างการรักษาร่างกายจะต้องการอาหารมากกว่าช่วงที่ทำการรักษาเสร็จแล้ว
เนื่องจากอาหารถูกนำไปใช้เพื่อเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ
ดังนั้นในระหว่างการรักษาควรพยายามรับประทานให้ได้มาก
และเป็นอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อร่างกายจะไม่อ่อนเพลีย
สามารถรับการรักษาต่อไปจนครบตามแผนการรักษาของแพทย์ |
|
|
|
สำหรับข้อควรปฏิบัติในการรับประทานอาหารให้เพียงพอกับความต้องการ
มีดังนี้ |
1.
ควรรับประทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง จากเดิม
2-3 มื้อ รับประทานเพิ่มเป็น 4 - 6 มื้อต่อวัน ควรรับประทานอาหารแม้จะไม่หิว
และไม่ใช่มื้ออาหาร หลังอาหารทุกมื้อควรรับประทานผลไม้
ของหวาน หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ไม่ควรดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร
เพราะจะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง
2.
ในผู้ป่วยที่มีอาการปวด การรับประทานอาหารในช่วงที่ทุเลาจากอาการปวด
จะช่วยให้รับประทานอาหารได้ดีขึ้น
3.
ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารมัน
เพราะจะช่วยให้การรับประทานอาหารง่ายขึ้น เช่น ไอศกรีม
เยลลี่ วุ้น ลอดช่อง เป็นต้น
4.
ขณะรับประทาน ควรเคี้ยวช้า ๆ ให้ละเอียด เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร
5.
ควรรักษาความสะอาดช่องปากและฟัน โดยการบ้วนปากบ่อย
ๆ ด้วยน้ำอุ่น หรือเติมเกลือเล็กน้อยก็ได้
6.
เลือกรับประทานอาหารที่ชอบ เปลี่ยนรายการอาหารบ่อย
ๆ พยายามอย่าให้รายการอาหารซ้ำ
7.
จัดบรรยากาศให้รื่นรมย์ น่ารับประทาน มีการสังสรรค์ในหมู่ญาติ
หรือเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ ออกไปรับประทานนอกบ้านบ้าง เป็นบางครั้ง
8.
ถ้าได้รับยาแก้คลื่นไส้อาเจียนจากแพทย์ ควรรับประทานก่อนรับประทานอาหารประมาณ
30 นาที และควรรับประทานยาแม้จะไม่มีอาการคลื่นไส้ก็ตาม
เพราะจะได้ผลดีกว่ารอให้เกิดอาการจึงจะรับประทานยา
9.
หากรู้สึกเบื่ออาหารมาก รับประทานอาหารไม่ได้
ควรปรึกษาแพทย์ หรือพยาบาล เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำ หรือให้ยาที่ทำให้เจริญอาหารหรือช่วยย่อยอาหาร |
|
|
|
|
|