ที่มา
: งานโภชนาการ
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
074-451060-1 |
|
|
ผักผลไม้หลายชนิด
มีสารอาหารตัวหนึ่งที่ถือว่าเป็นสารตั้งต้นสร้างวิตามินเอ
สารที่ว่านั้นคือ เบต้าแคโรทีน
นอกจากนี้ยังมีสารแคโรทีน หรือแคโรทีนอยด์ อื่นๆ อีกมากมายหลายชนิด
สารแคโรทีนเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบต้าแคโรทีน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายได้ |
|
|
|
|
มีงานวิจัยทางการแพทย์อยู่หลายชิ้นพบว่า
พืชผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานได้จริง
อย่างเช่นการศึกษาของ ดร.โรนัลด์ วัตสัน (Ronald
R Watson) แห่งมหาวิทยาลัย ริโซนา ในสหรัฐอเมริกา
พบว่า ชาย-หญิงจำนวน 60 คน มีอายุเฉลี่ย 56 ปี เมื่อรับประทานผักผลไม้ให้ได้เบต้าแคโรทีนปริมาณ
30-60 มิลลิกรัมต่อวัน ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว |
|
ภูมิต้านทานนั้น
วัดได้จากการทำงานของบรรดาเม็ดเลือดขาวทั้งหลาย ดังเช่น
จำนวนของเซลล์พิฆาตเพิ่มขึ้น ปริมาณของเซลล์ทีและลิมโฟซัยต์
ที่พร้อมจะทำงานมีมากขึ้น สรุปเป็นว่า สารเบต้าแคโรทีนนี่แหละที่ช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ถูกกระตุ้น
หรือเกิดการแบ่งเซลล์ทำให้พร้อมที่จะทำงานได้ |
|
เมื่อหยุดรับประทานผักผลไม้
ผลปรากฏว่าภูมิต้านทานค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งมีระดับกลับสู่ค่าที่เคยเป็นมาก่อนการเสริมผักผลไม้
เมื่อตรวจสอบว่าสารเบต้าแคโรทีนเหล่านี้มาจากไหนได้บ้าง
พบว่า
เบต้าแคโรทีน
ขนาด 30-60 มิลลิกรัมนั้น ได้มาจากการรับประทานแครอท 5-10
หัว หรือโดยการรับประทานมันฝรั่งบด 2-4 ขีดต่อวัน (200-400
กรัม) |
|
|
กรณีของอาหารไทย
เราสามารถพบเบต้าแคโรทีนได้ในพืชผักไทย หลายต่อหลายชนิด
อย่างเช่น ในผักใบเขียวเข้ม ผักโขม ตำลึง ใบยอ หรือพืชผักสีเหลืองและสีส้ม
เช่น ฟักทอง แครอท ผลไม้อย่างมะละกอ มะม่วงสุก ก็มีเบต้าแคโรทีนสูงเช่นกัน |
|
|
ที่ควรจะทราบอย่างยิ่งคือ
เบต้าแคโรทีนในพืชผักนั้น ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานได้ แต่การรับประทานเบต้าแคโรทีนในรูปของแคปซูลที่ขายกันเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารราคาแพงนั้น
ไม่แน่นักว่าจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานได้ ที่ตอบได้ไม่ชัดเจน
เพราะมีรายงานวิจัยจากหลายประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์
จีน และที่อื่น ๆ พบว่า ผู้ที่เสริมเบต้าแคโรทีนแคปซูล
อุบัติการณ์เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไม่ได้ลดลงเลย
ทั้ง ๆ ที่เคยคาดการณ์ว่าเบต้าแคโรทีนน่าจะลดมะเร็ง |
|
ดังนั้น...
การที่พบว่าสารอาหารบางชนิดในพืชผักช่วยป้องกันโรคได้
แต่เมื่อสกัดสารชนิดนั้น ๆ ออกมาบรรจุแคปซูลแล้ว ใช่ว่าสารดังกล่าว
จะช่วยป้องกันโรคดังที่เคยเชื่อกัน ที่เป็นอย่างนี้ย่อมแสดงว่า
สารอาหารที่อยู่อย่างธรรมชาติในอาหารมีข้อได้เปรียบ มีการทำงานอย่างซับซ้อน
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายกลไกซับซ้อนลักษณะนี้ได้ |
|
|
ในผักผลไม้นั้น ให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์อยู่มากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สิ่งที่สมควรระมัดระวังอย่างยิ่งคือ ความสะอาด
การดูแลไม่ให้มีสารปนเปื้อนในพืชผัก จะเป็นเรื่องสำคัญเสมอ |
|
|
ปัจจุบัน พืชผักเป็นอาหารที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนมากที่สุด
ไม่ว่าจะปนเปื้อนจากยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช ปุ๋ย เชื้อโรคจากการใช้ปุ๋ยอินทรีย์บางชนิด
สารเคมีที่จงใจเติมลงไป เช่น ฟอร์มาลีน หรือสีย้อมผ้า
มีรายงานว่า พ่อค้าบางคนนิยมเอามาทาเปลือกผลไม้และผัก
ให้มีสีสดน่ารับประทาน |
|
ควรต้องระวังและล้างพืชผักอย่างถูกต้องทุกครั้งก่อนที่จะนำไปรับประทานแล้ว |
|
ดังนั้น การป้องกันโรคอย่างชาญฉลาดก็คือ การรับประทานอาหารที่สมดุลและต้องประกอบด้วยผักและผลไม้เป็นประจำ
และควรจะมีสัดส่วน 30-50% ในแต่ละมื้อ |
|
ด้วยความปรารถนาดีจากงานโภชนาการ
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ 074-451060-1 |
|
|
|