ที่มา
: คลินิกศัลยกรรม
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ |
|
|
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
ปัจจุบันพบอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงสูงขึ้น
นอกจากนี้พบในประชากรที่มีกลุ่มอายุน้อยลง โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักพบแพทย์ด้วยอาการ
ดังต่อไปนี้
ปวดท้อง
คลำก้อนได้บริเวณช่องท้อง
|
|
เบื่ออาหาร อาเจียน
ถ่ายอุจจาระผิดปกติ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
ลักษณะอุจจาระเปลี่ยนไป เช่น เป็นก้อน ลีบเล็ก อุจจาระเหลว
อุจจาระสีดำหรือมีมูก หรือเลือดปนกับอุจจาระ
มีความรู้สึกถ่ายอุจจาระไม่สุด
ผอมลง น้ำหนักลด
บางรายอาจมาพบแพทย์เนื่องจากมีอาการซีด เพลีย หรือมีไข้ต่ำๆ
ร่วมด้วย |
|
|
โดยในจำนวนนี้เริ่มแรก
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าตนเองป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร
ลำไส้อักเสบ ริดสีดวงทวารหนักหรือธาตุพิการ และมักรักษาด้วยตนเองหรือเปลี่ยนที่รักษาตามสถานพยาบาลต่างๆ
ทำให้ไม่ได้รับการสืบค้นสาเหตุที่แท้จริงอย่างจริงจังทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักพบแพทย์
และได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเมื่อระยะของโรคดำเนินไปมากหรือระยะสุดท้าย
ทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ |
|
|
|
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงในประชากรที่ไม่มีอาการผิดปกติใด
ๆ ในระบบทางเดินอาหาร เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก
เป็นการตรวจที่แพร่หลายขึ้นในปัจจุบัน อนึ่งการตรวจคัดกรองโรคนี้
ประกอบด้วยการซักประวัติผู้ป่วยอย่างละเอียดทั้งประวัติส่วนตัวและประวัติการป่วยเป็นโรคมะเร็งของบุคคลในครอบครัว
การตรวจร่างกายทั่วไป การตรวจร่างกายทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ
รวมถึงการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และไส้ตรง |
|
|
|
สำหรับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และไส้ตรงนั้น
แนะนำให้ทำในบุคคลต่อไปนี้
อายุ 45 ปีขึ้นไป และมีอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหารหรือมีอาการดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
อายุ 40 ปีขึ้นไปและไม่มีอาการผิดปกติแต่มีปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้
-
มีญาติสายตรงซึ่งได้แก่ พ่อ, แม่, พี่หรือน้อง 1 คน เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง
-
มีญาติ 2 คนเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง
-
อายุ 15-20 ปีขึ้นไป โดยมีประวัติญาติสายตรงรวมถึงญาติคนอื่น
ๆ ในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง 3 คนขึ้นไป
เนื่องจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง บางชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรม
-
อายุ 50 ปีขึ้นไป โดยไม่มีปัจจัยเสี่ยงและไม่มีอาการผิดปกติ
-
เคยได้รับการวินิจฉัยจากการเอกซเรย์สวนแป้งตรวจลำไส้ใหญ่หรือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
ว่ามีติ่งเนื้อยื่นที่ผนังลำไส้ใหญ่ |
|
|
|
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
ประกอบด้วยการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่และไส้ตรงโดยการรับประทานยาระบาย
1 วัน ก่อนเข้ารับการตรวจ จากนั้นแพทย์จะทำการส่องกล้องเข้าทางทวารหนักเพื่อตรวจลำไส้ใหญ่ทั้งหมด
ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการปวดจุกแน่นท้องในระหว่างการส่องกล้อง
ดังนั้นผู้เข้ารับการตรวจจะได้รับการฉีดยาระงับปวดก่อนส่องกล้อง
อนึ่งการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และไส้ตรงนี้ มีข้อดีเหนือกว่าการเอกซเรย์สวนแป้งตรวจลำไส้ใหญ่
เนื่องจากสามารถเห็นพยาธิสภาพภายในลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ด้วยตา
นอกจากนี้สามารถตัดหรือหยิบชิ้นเนื้อที่สงสัยส่งตรวจทางพยาธิวิทยาได้
แม้ว่าจะมีข้อเสียคือ อาจจะก่อนให้เกิดอาการปวดแน่นท้องในระหว่างเข้ารับการตรวจมากกว่าการเอกซเรย์สวนแป้งตรวจลำไส้ใหญ่ |
|
|
|
|
|
|
|
โดยท่านสามารถแจ้งความจำนงเพื่อเข้ารับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ที่
คลินิกศัลยกรรม โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ท่านจะได้รับการซักประวัติตรวจร่างกายดังกล่าวไว้ข้างต้น
หากแพทย์พบว่าท่านมีข้อบ่งชี้ในการส่องกล้องตรวจลำไส้และไส้ตรง
ท่านจะได้รับการนัดหมายเพื่อเข้ารับการส่องกล้องต่อไป |
|
|
|
มีข้อสงสัยโปรดสอบถามได้ที่
คลินิกศัลยกรรม
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
วันจันทร์-วันศุกร์
เวลา 09.00-16.00 น.
คลินิกนอกเวลาศัลยกรรม
วันอังคาร
เวลา 17.00-20.00 น.
วันเสาร์-วันอาทิตย์
เวลา 09.00-12.00 น.
โทร.
074-451760, 074-451761 |
|
|
|
|
|
|
|