ผลลัพธ์การฝึกอบรมของหลักสูตร
แพทย์ที่จบการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ต้องมีคุณสมบัติและความรู้ความสามารถขั้นต่ำตามสมรรถนะหลักทั้ง ๖ ด้าน ดังนี้
(๑) การดูแลรักษาผู้ป่วย (patient care)
ก. มีทักษะในการสัมภาษณ์ทางจิตเวช การตรวจร่างกาย การตรวจสภาพจิต การใช้แบบ
ประเมินที่สำคัญ และการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาคิดวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผลเพื่อ
นำไปสู่การตัดสินใจให้การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
ข. วินิจฉัยบำบัดรักษาภาวะผิดปกติทางจิตเวชศาสตร์ที่พบโดยทั่วไปในประเทศไทยได้อย่าง
ถูกต้องและเหมาะสม
ค. บันทึกรายงานผู้ป่วยได้อย่างสมบูรณ์และสม่ำเสมอ
ง. สามารถดำเนินการส่งเสริมป้องกัน สร้างเสริมและฟื้นฟูสุขภาพจิต
(๒) ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในการนำไปใช้แก้ปัญหาของผู้ป่วยและสังคมรอบด้าน (medical knowledge and skills)
ก. มีความรู้พื้นฐานด้านสุขภาพจิต จิตวิทยา วิทยาศาสตร์การแพทย์และสังคมที่จำเป็นต่อการ
ปฏิบัติงานด้านจิตเวช
ข. มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพและเชี่ยวชาญในสาขาจิตเวชศาสตร์
ค. สามารถถ่ายทอดความรู้ทางจิตเวชศาสตร์ ให้แก่ และประชาชนทั่วไป ได้อย่างเหมาะสม
(๓) การเรียนรู้จากการปฏิบัติ และการพัฒนาตนเอง (practice-based learning and improvement)
ก. วิพากษ์บทความ และดำเนินการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขได้
ข. มีความรู้ในการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณทางการแพทย์ และการแพทย์เชิง
ประจักษ์
ค. เรียนรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ทางวิชาชีพได้ด้วยตนเองจากการฝึกปฏิบัติ
(๔) ทักษะการมีปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (interpersonal and communication skills)
ก. นำเสนอข้อมูลผู้ป่วย และอภิปรายปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
ข. ถ่ายทอดความรู้และทักษะ เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำแก่แพทย์และ/หรือนักศึกษา
แพทย์และ/หรือบุคลากรทางการแพทย์
ค. สื่อสารให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและญาติ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยมีเมตตา
เคารพการตัดสินใจและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ง. มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี กับผู้ร่วมงานทุกระดับและทีมสหวิชาชีพ
(๕) ความเป็นมืออาชีพ (professionalism)
ก. มีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีต่อผู้ป่วย ญาติ ผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมวิชาชีพและชุมชน
ข. มีความสามารถในการสำรวจจิตใจ พัฒนาตัวเอง และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์
ที่เกี่ยวข้องได้เหมาะสม
ค. มีความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต
(continuous professional development)
ง. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
จ. คำนึงถึงสิทธิผู้ป่วยและผลประโยชน์ส่วนรวม
(๖) การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (system-based practice)
ก. มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับระบบสุขภาพ บริบททางสังคม และวัฒนธรรมของประเทศ
ข. มีความรู้และมีส่วนร่วมในระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย
ค. ใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างเหมาะสม (cost consciousness medicine) และสามารถปรับเปลี่ยน
การดูแลรักษาผู้ป่วยให้เข้ากับบริบทของการบริการสาธารณสุขได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ